หากคุณเป็นผู้ประกอบการอาหารเครื่องดื่มขนาดเล็กและกลาง น่าจะเคยประสบกับความท้าทายต่างๆ ในการเลือกบรรจุภัณฑ์ก่อนที่จะทำการผลิตจริง เช่น
“มีข้อกำหนดสั่งขั้นต่ำ 50,000 ชิ้น ขณะที่เราขายประมาณ 10,000 ต่อเดือน…”
“มีแบบขวดมากมาย ไม่แน่ใจว่าฝา lug cap หรือแบบอื่นจะเหมาะสมที่สุด”
“สินค้าของเราในบรรจุภัณฑ์นี้ดูไม่เด่นเท่ากับคู่แข่ง”
ที่จริง ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้มาจากเงินทุนโดยตรง แต่มาจากการที่บรรจุภัณฑ์ “ไม่ได้นำเสนอสินค้าได้อย่างดี” บนชั้นสินค้าค่ะ
ปัญหาที่ 1: ข้อกำหนดปริมาณสั่งขั้นต่ำ (MOQ) อาจเป็นอุปสรรค
อันดับแรก สำหรับความเข้าใจทั่วไปที่อาจจะไม่ถูกต้อง แต่
ผู้ประกอบการหลายคนต่างมีความเข้าใจว่า:
ขวดขนาดเล็ก = ต้องสั่งปริมาณน้อยลง ✗ (ความจริงบ่อยครั้ง)
ขวดนำเข้าจากจีน = ราคาถูกกว่าผลิตในประเทศ ✗ (ไม่ใช่เสมอไป)
ขวดดีไซน์สวยงาม = ต้องสั่งปริมาณมากกว่า ✗ (ความจริงมีตัวเลือกอื่นทดแทนได้)
ข้อเท็จจริงที่ควรทราบ :
MOQ (Minimum Order Quantity) ไม่ได้หมายความว่า “บังคับให้สั่งให้พอดี”
มากกว่านั้น MOQ คือ “ปริมาณที่ผู้ผลิตพิจารณาว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อต้นทุนการผลิตและเกิด defect rate น้อยสุด”
ยกตัวอย่างการเปรียบเทียบ:
โรงงาน A: สั่ง 50,000 หน่วย = 0.80 บาท/หน่วย
โรงงาน A: สั่ง 20,000 หน่วย = 1.20 บาท/หน่วย
อย่างไรก็ตาม โรงงาน B อาจมีข้อเสนอที่แตกต่าง:
สั่ง 20,000 หน่วย = 0.95 บาท/หน่วย ก็เป็นไปได้ เพียงแต่ขอให้เราลองต่อรองกับผู้ขายหรือแจ้งว่ามีการใช้งานต่อเนื่อง
#ความสำคัญ = เราสามารถเลือกเงื่อนไขที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องถูกบังคับให้ซื้อเสมอไปค่ะ
ปัญหาที่ 2: การเลือกประเภทฝาขวด (lug cap และประเภทอื่น ๆ)ให้เหมาะสมกับประเภทสินค้า
ทำไมการเลือกฝานั้นสำคัญต่อการขายบรรจุภัณฑ์ เพราะสินค้าแต่ละอย่างมี process การผลิตที่แตกต่างกัน ในฐานะผู้ผลิตจึงต้องมีความใส่ใจในการเลือกฝาที่เหมาะสมกับขนิด ประเภท และกระบวนการผลิตค่ะ
เมื่อลูกค้ายืนหน้า shelf วางสินค้ามักจะสังเกต 3 สิ่งนี้ก่อนเสมอ:
1.ความสะดวกในการเปิด (ถ้าเปิดยาก ผู้บริโภคมักจะหันไปซื้อสินค้าทางเลือก)
2.ความชัดเจนในการมองเห็นสินค้า (ขวดใสจะช่วยให้มองเห็นสี องค์ประกอบภายใน และคุณภาพ)
3.การรับรู้มูลค่า (แม้ว่าราคาอาจเป็นปัจจัยหลัก แต่รูปร่างและการออกแบบฝาก็สามารถส่งผลต่อการรับรู้มูลค่าได้)
คำแนะนำในการเลือก
Lug Cap (ฝาเกลียวล็อค):
ฝาแบบสกรู (Twist Cap):
ฝาพลาสติก:
ข้อเสนอแนะตามลักษณะสินค้า:
หากคุณผลิต น้ำผลไม้ แยม เลือดหมู น้ำพริก → เลือก Lug Cap พร้อมฝาสีเงาหรือดำ (ให้ความรู้สึกว่ามีคุณภาพ ขณะที่ราคายังเหมาะสม)
หากคุณผลิต เครื่องดื่มหรือสินค้าที่มีแนวโน้มพรีเมี่ยม → พิจารณา Lug Cap พร้อมฝาพิเศษ (เช่น ฝาไม้ หรือฝาที่พิมพ์แบรนด์ลูกค้า)
ปัญหาที่ 3: สินค้าของเราไม่เด่นบนชั้นวางสินค้า แต่ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งกลับขายดี
ปัจจัยสำคัญไม่ใช่แค่รสชาติ แต่เป้น “วิธีการการนำเสนอทางภาพ” ค่ะ
และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ อย่าง Splusglass เน้นถึง “ความสามารถในการปรับแต่งฝาให้ตรงกับแบรนด์ของลูกค้า”
ทำไมจึงมีความสำคัญ?
เพราะ ฝา = องค์ประกอบการมองเห็นของแบรนด์คุณ
ตัวอย่างสถานการณ์จริง:
ผู้ซื้อมองเห็น สินค้าแยม 3 ตัว บนชั้นวางสินค้า
ตัวที่ 1: ขวดใส ฝาสีเหลือง (ไม่มีการพิมพ์ลายแบรนด์) → ผู้ซื้อไม่มั่นใจในคุณภาพ
ตัวที่ 2: ขวดใส ฝาพิมพ์โลโก้แบรนด์ สีประสานกัน → ดูเหมือนผลิตภัณฑ์ที่เสร็จสิ้น เลือกตัวนี้
ปัจจัยที่ตัดสิน = เลือกตัวเลือก ตามลักษณะด้านนอกเพียง 0.5 วินาที
ทางเลือกเพื่อให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า :
1. พิมพ์โลโก้บนฝา (ค่าใช้สอยเพิ่มเติม 0.20-0.50 บาทต่อหน่วย)
2.เลือกสีฝาให้ประสานกับขวด (ตัวอย่าง: ขวดใสพร้อมฝาสีเงา หรือฝาสีดำ)
3. ทดสอบหลายแบบ ก่อนสั่งปริมาณมาก
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนเพิ่มเติมนี้มักจะน้อย ขณะที่ผลของการเพิ่มยอดขายมักจะ เพิ่มขึ้น 10-30%
ปัญหาที่ 4: หลังจากการสั่งซื้ขวดแก้วและฝาปิด พบว่าบรรจุภัณฑ์มีความเสียหายระหว่างการขนส่ง
สาเหตุและวิธีป้องกัน :
ในช่วงการขนส่งขวดแก้วนั้น โดยธรรมชาติแล้วมีความเสี่ยงของความเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตาม หากประสบการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยเกินไป อาจมีสาเหตุมาจาก:
ฝาไม่ปิดแน่น → สารในขวดรั่วออก การบีบกดหลายครั้งทำให้ขวดแตก
คุณภาพของขวด (โรงงานเก่า) → ความหนาของกระจกไม่เพียงพอ
การบรรจุไม่เหมาะสม → ขวดถูกบีบอัดเกินไป
บริการขนส่ง → บางบริษัทขนส่งไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการสินค้าแพง
วิธีป้องกัน:
เลือกสั่งจาก โรงงานที่มีการรับรองมาตรฐานบ่งชี้ถึงการควบคุมคุณภาพ
สอบถาม เกี่ยวกับการบรรจุและการจัดการสินค้า ก่อนลงนามในสัญญา
หากพบว่าสินค้าชำรุด → ตรวจสอบนโยบายการเคลม (โรงงานบางแห่งยอมรับการเคลมสำหรับสินค้าที่ชำรุด)
ทำไมคุณควรพิจารณา Splusglass เป็นหนึ่งในตัวเลือก
เราขออนุญาติขอแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตามข้อเท็จจริงค่ะ
– ช่วงราคา 1.00-3.00 บาท/หน่วย (เปรียบเทียบตลาด: 1.70-4.50 บาท)
– ความยืดหยุ่นในการสั่ง (สามารถปรึกษาเกี่ยวกับปริมาณ MOQ ได้ค่ะ)
– บริการการพิมพ์โลโก้แบรนด์ (ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 10-20 % )
– มีการรับรองมาตรฐาน ISO9002 (บ่งชี้ถึงการควบคุมคุณภาพ)
– บริการส่งของ 1-3 วัน (ในเขต กทม/ปริมณฑล ฟรีตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้น)
สรุป: 3 ขั้นตอนสำคัญ
ขั้นตอนที่ 1: ทำความเข้าใจว่า MOQ ≠ บังคับต้องสั่งพอดี (เปรียบเทียบข้อเสนอจากผู้ผลิต 2-3 รายแล้วตัดสินใจ)
ขั้นตอนที่ 2: เลือกประเภทฝา สี และลาย/โลโก้ให้ตรงกับลักษณะและความนิยมของสินค้า (Lug Cap เป็นที่นิยมมากที่สุด)
ขั้นตอนที่ 3: ทดสอบกับปริมาณสั่งขั้นต่ำก่อน → ถ้าได้ผลตามที่คาดหวัง ก็สามารถขยายปริมาณในครั้งถัดไป
ติดต่อ Splusglass
ปรึกษาฟรี เรื่องขวด ฝา สีฝา โลโก้ สั่ง MOQ เท่าไหร่ก็ได้ ไม่บังคับ